บทที่ 2
1.ความหมายการตัดต่อวีดีโอ
วิดีโอเป็นองค์ประกอบของมัลติมีเดียที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากวิดีโอในระบบดิจิตอลสามารถนำเสนอข้อความหรือรูปภาพ (ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว) ประกอบกับเสียงได้สมบูรณ์มากกว่าองค์ประกอบชนิดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักของการใช้วิดีโอในระบบมัลติมีเดียก็คือ การสิ้นเปลืองทรัพยากรของพื้นที่บนหน่วยความจำเป็นจำนวนมาก เนื่องจากการนำเสนอวิดีโอด้วยเวลาที่เกิดขึ้นจริง (Real-Time) จะต้องประกอบด้วยจำนวนภาพไม่ต่ำกว่า 30ภาพต่อวินาที(Frame/Second) ถ้าหากการประมวลผลภาพดังกล่าวไม่ได้ผ่านกระบวนการบีบอัดขนาดของสัญญาณมาก่อน
การนำเสนอภาพเพียง 1 นาทีอาจต้องใช้หน่วยความจำมากกว่า 100 MB ซึ่งจะทำให้ไฟล์มีขนาดใหญ่เกินขนาดและมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ด้อยลง ซึ่งเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถ
บีบอัดขนาดของภาพอย่างต่อเนื่องจนทำให้ภาพวิดีโอสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก
ยิ่งขึ้นและกลายเป็นสื่อที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบมัลติมีเดีย (Multimedia System)
2.ระบบวีดีโอและวิธีการตัดต่อ
การตัดต่อวดีโอโดยใช้โปรแกรม Adobe Premiere Pro 2017
ระบบการตัดต่อวิดีโอแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทดังนี้คือ
1. ระบบลิเนียร์ (Linear)
2. ระบบนอนลิเนียร์ (Non-Linear)
1. ระบบลิเนียร์ (Linear) เป็นระบบการตัดต่อ โดยใช้เครื่องเล่นวิดีโออย่างน้อย 1 เครื่องในการเลือกภาพ จากนั้นนำภาพที่เลือกไว้ มาทำการตัดต่อโดยใช้ switcher และเครื่องบันทึกจะทำการบันทึก ภาพนั้นๆ เพื่อให้ได้ภาพเคลื่อนไหวตามต้องการ แต่หากต้องการใส่ Transition ต้องใช้เครื่องเล่นวิดีโอเพิ่มอีก 1 เครื่อง ซึ่งต้องมีชุดควบคุมเครื่องเล่นเทป เครื่องสลับภาพ เครื่องใส่เอฟเฟ็กต์ และอุปกรณ์ซ้อนตัวหนังสือ โดยชุดควบคุมเหล่านี้อาจรวมอยู่ในอุปกรณ์ชิ้นเดียวกันหรือแยกชิ้นก็ได้ การตัดต่อด้วยระบบนี้มีขั้นตอนที่ซับซ้อน หากเกิดข้อผิดพลาด ต้องดำเนินการแก้ไขตั้งแต่จุดผิดพลาดไปจนถึงจุดสุดท้าย ระบบนี้จึงไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร เพราะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ทั้งค่าเทป และค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์ เป็นต้น
รูปที่ 1 ระบบการตัดต่อ โดยใช้เครื่องเล่นวิดีโอ 1 เครื่อง
รูปที่ 2 ระบบการตัดต่อ โดยใช้เครื่องเล่นวิดีโอมากกว่า 1 เครื่อง
2. ระบบนอนลิเนียร์ (Non-Linear) เป็นการตัดต่อโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นหลัก โดย
มีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ 2 จอ จอหนึ่งเป็นภาพสัญญาณที่ส่งออกจากคอมพิวเตอร์ อีกจอแสดงภาพลำดับ การตัดต่อ และมีซอฟท์แวร์ที่ประกอบด้วย 3 ส่วนใหญ่ คือ การจับภาพ (Capture) กรรมวิธีในกาตัดต่อ (Actual Editing) และการนำออก (Exporting) การตัดต่อระบบนี้สามารถเก็บข้อมูลเป็นไฟล์ดิจิตอล
ที่การ
ลำดับภาพสามารถเลือกช่วงใดช่วงหนึ่งก่อนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเรียงตามลำดับ สามารถแก้ไขได้สะดวก
ข้อดีของระบบนี้ คือ
1. ประหยัดค่าใช้จ่าย และพื้นที่การทำงาน
2. สามารถค้นหา คัดเลือกภาพ ทำงานในช่วงต่างๆ ได้อย่างอิสระ และรวดเร็ว
3. สามารถผลิตชิ้นงานได้ง่าย และน่าสนใจ เช่น ใส่เอ็ฟเฟ็กต์ กราฟิก และแอนิเมชั่นได้หลากหลาย เป็นต้น
4. ชิ้นงานมีคุณภาพสูง
5. สามารถแบ่งกันใช้ทรัพยากรที่มีร่วมกันได้ เช่น เครื่องเล่นเทป, ฮาร์ดดิสก์, สแกนเนอร์เป็นต้น
6. เผยแพร่ข้อมูลในรูปดิจิทัลได้หลากหลายรูปแบบ เช่น บนอินเทอร์เน็ต บันทึกลงแผ่นวิดีโอซีดี ดีวีดี เป็นต้น
3.พื้นฐานเกี่ยวกับระบบและไฟล์วีดีโอ
ไฟล์วิดีโอ เป็นรูปแบบที่ใช้บันทึกภาพ และเสียงที่สามารถทำงานกับคอมพิวเตอร์ได้เลย มี
หลากหลายรูปแบบ ควรเลือกใช้ให้ถูกต้อง และตรงตามประเภทของงาน ดังนี้
1. avi (Audio / Video Interleave) เป็นไฟลวิดีโอที่มีความละเอียดสูง เหมาะสมกับการนำมาใช้ในงานตัดต่อวิดีโอ แต่เนื่องจากไฟล์มีขนาดใหญ่มาก จึงไม่นิยมนำมาใช้ในสื่อดิจิตอลอื่นๆ ดังนั้นจึงมักแปลงเป็นไฟล์รูปแบบอื่นๆ เช่น Quick Time, MPEG ฯลฯ ซึ่งคุณภาพของไฟล์ที่แปลงแล้วนั้น ภาพและเสียงจะแตกต่างจากต้นฉบับเล็กน้อย
2. mpeg (Moving Pictures Experts Group) เป็นไฟล์มาตรฐานในการบีบอัดไฟล์วิดีโอให้มีขนาดเล็กลง เป็นรูปแบบของวิดีโอที่มีคุณภาพสูง และนิยมนำมาใช้กับงานวิดีโอหลายประเภท ไฟล์ MPEG สามารถแบ่งออกตามคุณสมบัติต่างๆ ได้ 3 รูปแบบ ดังนี้
2.1 mpeg-1 เป็นรูปแบบไฟล์ที่เขารหัสด้วยการบีบอัดไฟล์ให้มีขนาดเล็ก เพื่อสร้าง
ไฟล์วิดีโอในรูปแบบ VCD ซึ่งมีขนาดสูงสุดอยู่ที่ 352 X 288 มีค่าบิตเรทอยู่ที่ 1.5 Mb/s ซึ่งมีคุณภาพใกล้เคียงกับเทปวิดีโอ
2.2 mpeg-2 เป็นรูปแบบการเขารหัสไฟล์ที่สรางมาเพื่อการสร้างภาพยนตร์
โดยเฉพาะ โดยสามารถสร้างเป็น SVCD หรือ DVD มีขนาดสูงสุดอยู่ที่ 1920X1080 มีค่าบิตเรตไม่ตายตัวทำให้สามารถกำหนดอัตราการบีบอัดข้อมูลได้เอง ซึ่งอัตราการบีบอัดจะน้อยกว่ารูปแบบ MPEG-1 ไฟล์ที่ได้จึงมีขนาดใหญ่กว่า และมีคุณภาพสูงกว่าด้วย
2.3 mpeg-4 เป็นไฟล์รูปแบบใหม่ ที่มีคุณภาพสูง และมีการบีบอัดที่ดีกว่า MPEG-1
และ MPEG-2 ซึ่งมีขนาดสูงสุดอยู่ที่ 720X576 รองรับสื่อวิดีโอดิจิตอลในปัจจุบัน เช่น Mobile Phone, PSP, PDA และ iPod เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีจุดประสงค์เพื่อการใช้งาน 3 ประเภท คือ ระบบโทรทัศน์แบบดิจิตอล งานด้านแอพพลิเคชันกราฟิก และมัลติมีเดียต่างๆ ซึ่งในปัจจุบัน mp4 ใช้มากในสื่อบนโลกออนไลน์
3. dat (Digital Audio Tape) เป็นไฟล์ MPEG-1 ที่มีการ encode ระบบไฟล์ เพื่อให้เหมาะสมกับงานที่เป็น VCD ของไฟลภาพยนตร หรือไฟล์คาราโอเกะ สามารถเล่นได้บนเครื่องเลน VCD หรือ DVD ทั่วไป หรือเปิดเล่นด้วยโปรแกรมดูหนัง เช่น Power DVD หรือ Windows Media Player เป็นต้น
4. .wmv (Windows Media Video) เป็นไฟล์ที่ได้มาจากโปรแกรม Microsoft Movie Maker เป็นไฟล์มาตรฐานสำหรับการใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Windows ทุกเวอร์ชั่น ไฟล์รูปแบบนี้ได้รับความนิยมทางอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างมาก เพราะมีขนาดไฟล์เล็ก สามารถ Upload ขึ้นเว็บไซตได้ง่ายสะดวกและรวดเร็ว โดยเปิดรับชมได้ด้วยด้วยตนเองผ่านโปรแกรม Windows Media Player
5. vob (Video OBjects) เป็นไฟล์ที่เก็บคุณสมบัติของ video, audio หรือ subtitle ไว้ ซึ่งให้คุณภาพสูงทั้งระบบภาพและเสียง สามารถเล่นได้จากเครื่องเล่น DVD หรือจากเครื่องคอมพิวเตอร์
6. flv (Flash Video) เปนไฟล์วิดีโอที่ใช้งานร่วมกับโปรแกรม Adobe Flash เนื่องจากเมื่อ บีบอัดไฟล์แลว จะทำให้เสียงหายไป ไฟล์จึงมีขนาดเล็ก แต่ยังคงรายละเอียดภาพของไฟล์ตนฉบับได้เป็นอย่างดี
7. mov เป็นไฟล์ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Apple ใช้สำหรับดูหนัง หรือคลิปต่างๆ บนเว็บไซต์ สามารถนำเปิดผ่านโปรแกรม Quick Time ได้
8. rm, .rpm เป็นไฟล์รูปแบบหนึ่งที่พัฒนาขึ้นโดย RealNetwork Inc. จะมีรูปแบบเฉพาะตัวในการเล่นไฟล์ภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องที่เรียกว่า Streaming ที่นำเสนองานมัลติมีเดีย บนอินเตอร์เน็ตได้เป็นอย่างดี โปรแกรมที่ใช้สำหรับเปิดไฟล์ประเภทนี้ได้แก่ RealPlayer หรือ RealAudio เป็นต้น
4.อุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดต่อวีดีโอ
ในปัจจุบันงานวิดีโอได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้น ด้วยความสามารถของงานทางด้านมัลติมีเดีย ที่ทำให้การนำ
เสนองานของเราน่าสนใจแล้ว ราคากล้องวิดีโอก็ราคาถูกลงมามากและหาซื้อได้ไม่ยาก พร้อมกับโปรแกรมที่ใช้ในการตัดต่อ
วิดีโอก็มีให้เลือกใช้มากมายและก็ไม่ยากจนเกินไปที่จะเรียนรู้ สำหรับสื่อนี้จะขอนำเสนอการตัดต่อด้วยโปรแกรม
Ulead Video Studio 8 เพื่อเป็นพี้นฐานในการตัดต่อ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ดังนี้
ประโยชน์ของงานวิดีโอ
1. แนะนำองค์กรและหน่วยงาน การสร้างงานวิดีโอเพื่อแนะนำสถานที่ต่างๆ หรือในการนำเสนอข้อมูลภายในหน่วยงาน
และองค์กร เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ชมผู้ฟังและยังก่อให้เกิดความเข้าใจในตัวงานได้ง่ายขึ้น
2. บันทึกภาพความทรงจำ และเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เช่น การเดินทางไปท่องเที่ยวในทฃสถานที่ต่างๆ งานวันเกิด
งานแต่งงาน งานรับปริญญางานเลี้ยงของหน่วยงานหรือองค์กร ซึ่งเดิมเราจะเก็บไว้ในรูปแบบภาพนิ่ง
3. การทำสื่อการเรียนการสอน คุณครูสามารถสร้างสื่อการสอนในรูปแบบวิดีโอไว้นำเสนอได้หลายรูปแบบ เช่น เป็นวิดีโอ
โดยตรง เป็นภาพวิดีโอประกอบในโปรแกรม POWER POINT เป็นภาพวิดีโอประกอบใน Homepage และอื่นๆ
4. การนำเสนอรายงาน วิทยานิพนธ์ และงานวิจัยต่างๆ ซึ่งปรับเปลี่ยนการนำเสนองานจากรูปแบบเดิม ที่เป็นเอกสารภาพ
ประกอบ แผ่นชาร์จแผ่นใส ให้ทันสมัยเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
5. วิดีโอสำหรับบุคคลพิเศษ บุคคลสำคัญในโอกาสพิเศษ อาจหมายถึง วิทยากรที่เชิญมาบรรยาย ผู้จะเกษียณอายุจากการ
ทำงาน เจ้าของวันเกิดคู่บ่าวสาว โอกาสของบุคคลที่ได้รับรางวัลต่างๆ
ที่กล่าวมานี้คือส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เรามองเห็นความสำคัญของงานวิดีโอมากขึ้น และได้รู้ว่าการทำวิดีโอไม่ได้ลงทุนมากและยุ่งยากอย่างที่คิดจากประสบการณ์ในการทำงานวิดีโอ สรุปได้ว่าวิดีโอที่ดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินลงทุนที่ใช้ แต่ขึ้นอยู่กับความปราณีต และความคิดสร้างสรรค์
5.ขั้นตอนการตัดต่อวีดีโอ
แนวคิดในการสร้างวิดีโอ
ก่อนที่ลงมือสร้างผลงานวิดีโอสักเรื่อง จะต้องผ่านกระบวนการคิด วางแผนมาอย่างรอบครอบ ไม่ใช่ไปถ่ายวิดีโอแล้วก็นำมาตัดต่อเลย โดยไม่มีการคิดให้ดีก่อนที่จะถ่ายทำ เพราะปัญหาที่มักเกิดขึ้นเสมอก็คือการที่ไม่ได้ภาพตามที่ต้องการ เนื้อหาที่ถ่ายมาไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการนำเสนอ ในที่นี้ขอแนะนำแนวคิดในการทำงานวิดีโออย่างมีประสิทธิภาพ ตรงตามความต้องการ จะไม่ต้องมาเสียเวลาแก้ไขภายหลัง โดยมีลำดับแนวคิดของงานสร้างวิดีโอเบื้องต้น ดังนี้
1. เขียน Storyboard
สิ่งแรกที่เราควรเรียนรู้ก่อนสร้างงานวิดีโอ ก็คือ การเขียนStoryboard คือ การจินตนาการฉากต่างๆ ก่อนที่จะถ่ายทำจริงในการเขียน Storyboard อาจวิธีง่ายๆ ไม่ถึงขนาดวาดภาพปรกอบก็ได้ เพียงเขียนวัตถุประสงค์ของงานให้ชัดเจนว่าต้องการสื่ออะไรหรืองานประเภทไหน จากนั้นดูว่าเราต้องการภาพอะไรบ้าง เขียนออกมาเป็นฉาก เรียงลำดับ 1, 2, 3,.......(ดูรายละเอียดการเขียน Storyboard ท้ายใบความรู้ที่ 1)
2. เตรียมองค์ประกอบต่างๆ ที่ต้องใช้
ในการทำงานวิดีโอ เราจะต้องเตรียมองค์ประกอบต่างๆ ให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นไฟล์วิดีโอ ไฟล์ภาพนิ่ง ไฟล์เสียง หรือไฟล์ดนตรี
3. ตัดต่องานวิดีโอ
การตัดต่อคือการนำองค์ประกอบต่างๆ ที่เตรียมไว้มาตัดต่อเป็นงานวิดีโอ งานวิดีโอจะออกมาดีน่าสนใจเพียงใดขึ้นอยู่กับการตัดต่อเป็นสำคัญ ซึ่งเราจะต้องเรียนรู้การตัดต่อในบทต่อไปก่อน
4. ใส่เอ็ฟเฟ็กต์/ตัดต่อใส่เสียง
ในขั้นตอนการตัดต่อ เราจะต้องตกแต่งงานวิดีโอด้วยเทคนิคพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นสี การใส่ข้อความ หรือเสียงดนตรี ซึ่งจะช่วยให้งานของเรามีสีสัน และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
5. แปลงวิดีโอ เพื่อนำไปใช้งานจริง
ขั้นตอนการแปลงวิดีโอเป็นขั้นตอนสุดท้าย ในการทำงานวิดีโอที่เราได้ทำเรียบร้อยแล้วนั้นไปใช้งาน โปรแกรม Ulead Video Studio สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น ทำเป็น VCD, DVD หรือเป็นไฟล์ WMV สำหรับนำเสนอทางอินเทอร์เน็ต
การสร้างวีดีโอ
การสร้างคลิปวีดีโอนั้น แม้ว่าเรามาภาพต้นฉบับดีๆ วีดีโอสวยๆ มีเสียงเพลงเพราะๆ มีคอมพิวเตอร์และโปรแกรมที่ดี ก็ใช่ว่าเราจะสร้างงานออกมาแล้วจะดีไปด้วย ความน่าสนใจของคลิปวีดีโอ ต้องอาศัยจินตนาการ, ความคิดสร้างสรรค์ ในทุกๆ ขั้นตอนของกระบวนการ"ผลิต" โดยหลักการทางทฤษฎีแล้วประกอบด้วย 3 ขั้นตอน หรือ 3 P
- Pre-Production คือ การเตรียมการก่อนการผลิต
- Production คือ การดำเนินการถ่ายทำ
- Post-Production คือ การตัดต่อและการนำเสนอ
ดังนั้น การจะสร้างงานออกมาให้ดีและเป็นที่น่าสนใจ เราจำเป็นต้องเตรียมการในเรื่องเหล่านี้
- Concept & Theme
- Script & Story Board
Concept & Theme
เป็นการกำหนดแนวคิดและทิศทางของคลิปวีดีโอเรา รวมถึงรูปแบบในการนำเสนอ เช่น คลิป"ส่งเสริมการปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยว" มี Concept คือ ต้องนำเสนอความสนุกสนานในการปั่นจักรยานไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ดังนั้น Theme ของเรื่องนี้ก็คือ สถานที่และเส้นทาง ที่สวยงาม ... ซึ่งจะส่งผลต่อ Script และ Storyboard จะต้องดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน
Script
สคริปต์ หรือ บท คือรายละเอียดของตัวละคร, ฉาก, มุมกล้อง, การตัดต่อ, ตัวหนังสือ, เสียงประกอบ ฯลฯ ทุกอย่างต้องระบุในสคริปต์ทั้งหมด เพื่อให้ได้ผลลัพท์ตามที่ต้องการ
Story board
ตามหลักการของการสร้างภาพยนตร์ เป็นภาพวาดแบบร่าง ที่สร้างขึ้นจากสคริปต์ หากระบุรายละเอียดได้มาก การทำงานจะสะดวกมากขึ้น
ในทางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ จะสร้างเป็นภาพเคลื่อนไหวแบบ 3D-Animation บันทึกเสียงประกอบแบบภาพยนตร์จริงๆ แต่สำหรับระดับเราๆ สร้างคลิปวีดีโออัพขึ้น Youtube คงไม่ต้องถึงขนาดนั้น
สร้างง่ายๆ ก็คือภาพ sketch ใน shot ต่างๆ พร้อมคำบรรยาย หรือ บทสนทนา เป็นการช่วยลำดับเหตุการณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น